ภาพจาก : ว่าพรือ ทอนตรน

            ในประเทศไทยมีจุดเด่นเรื่องทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะบ้านทอนตรน ที่มีวิถีชีวิต วัฒนธรรมดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ซึ่งห้อมล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่เรียงทับซ้อน มีลำธารเป็นแหล่งต้นน้ำที่ไหลผ่านใจกลางหมู่บ้าน บรรยากาศฝนพรำสลับกับแดดออกเป็นช่วงๆ และมีอากาศบริสุทธิ์ที่ไร้ควันบุหรี่ จึงทำให้ทอนตรนเหมาะสมที่จะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่น่าสนใจ

ภาพจาก : ว่าพรือ ทอนตรน

               ซึ่งประวัติความเป็นมาของ ชื่อบ้าน ทอนตรน หากค้นคำในภาษาไทยแล้วหาความหมายไม่ได้ แต่คาดเดาได้ว่าคำว่า “ทอน” ในภาษาไทยกลางไม่มีความหมายแต่ใน ‘ภาษาใต้’ มีความหมายคือ  ติดทอน  มีลักษณะลักษณะเป็นอ่าว เวิ้ง หรือช่อง  หรือหมายความว่าจุดสิ้นสุดไม่มีที่ไปโดยมีพื้น ที่ติดกับภูเขา ส่วนคำว่า “ตรน”  นี้ไว้เรียกคนใหญ่คนโต หรือยักษ์ 1 ตน ใช้เรียกบุคลชั้นผู้นำ บุคคลชั้นใหญ่ หรือเรียกคนที่อาวุโสมาก  และในสมัยก่อนได้ใช้เรียกพ่อแม่ว่า ม๊ะตรน-ป๊ะตรน สมัยนี้คำเหล่านี้เลือนหายไป และที่หลงเหลือการใช้ภาษาแบบนี้ก็มีในเมืองตรัง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และคำโบราณที่สืบทอดรุ่นต่อรุ่น

                มาที่หนึ่งในบุคคลสำคัญที่ทำให้พื้นที่หมู่บ้านทอนตรนเป็นพื้นที่ของสุขภาวะและผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในเวลาต่อมา ศาสตราจารย์ ดร.อิศรา ศานติศาสน์ ผู้จัดการแผนงานสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.) เล่าถึงการเปิดพื้นที่ ทอนตรน เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ว่า จุดเริ่มต้นของการเปิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นั้นไม่ได้เกิดจากการผลักดันเฉพาะหน่วยงาน สสม.เท่านั้น อีกหนึ่งหน่วยงานที่เห็นความสำคัญด้านสุขภาวะของคนไทย คือ สสส.ซึ่งอยู่เบื้องหลังและคอยให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยมีเป้าหมาย เพื่อสร้างและพัฒนาชุมชนมุสลิมให้เกิดเป็นตัวอย่างทางด้านสุขภาวะและสามารถพัฒนาให้เป็นแกนนำในการสร้างชุมชนรักษ์สุขภาวะของพื้นที่ใกล้เคียง โดยตั้งเป้าที่จะพัฒนาชุมชนตัวอย่างจำนวน 10 ชุมชน ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งหมู่บ้านทอนตรน ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง เป็นหนึ่งในชุมชนต้นแบบ ที่ใช้ 4 กิจกรรมหลักในการสร้างเสริมสุขภาวะ ทำให้ชาวบ้านมีสุขภาวะที่ดีขึ้น จนพัฒนากลายเป็นหมู่บ้านต้นแบบรักษ์สุขภาวะ

ภาพจาก :Thanapol

              หลังจากนั้นจึงเห็นศักยภาพของคนในชุมชนที่เข้มแข็งและอยากผลักดันพื้นที่ของทอนตรนที่มีความสวยงามและมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจและสามารถทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้ เช่น เรื่องเล่า “หินจมูกควาย” ที่เกิดจากหินก้อนใหญ่ลูกหนึ่งที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับจมูกควาย  ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านได้เล่าขานต่อกันมาว่า เมื่อฤดูน้ำหลากหรือปลายปีน้ำในคลองใหญ่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เมื่อสมัย 30 ปีที่แล้วโดยปริมาณน้ำจะเพิ่มสูงกว่าปัจจุบันมาก สูงขนาดที่จระเข้ตัวใหญ่สามารถว่ายทวนน้ำขึ้นมาได้ ไม่มีใครรู้ว่าจระเข้มาได้อย่างไรและมาจากสถานที่ไหน  ซึ่งชาวบ้านจะได้ยินเสียงกระทบดังจากการที่จระเข้ปีนขึ้นมาให้ถึงหินจมูกควาย เพื่อมาไหว้แม่ผัว เป็นประจำทุกปี แต่ 10 ปีให้หลังน้ำเริ่มเหือดแห้งลง ก็ไม่มีใครเคยได้ยินเสียงจระเข้ขึ้นมาอีกจวบจนปัจจุบัน  นอกจากนี้ ทอนตรน ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง อาทิ เขานางพญาโฮ้ง (ภูเขาในชุมชน) เขานมสาว และอีกหลายแห่ง ดังนั้นการเปิด ‘ทอนตรน’ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นั้น นอกจากจะได้จะแสดงให้เห็นวัฒนธรรมและความสวยงามของพื้นที่แล้วยังส่งผลให้เกิดการพัฒนาทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ที่ทำให้ความเป็นอยู่ของคนในชุมชนดีขึ้น อีกทั้งยังปลูกฝังให้เกิดความตระหนักที่จะหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ส่วนใครที่ผ่านมา จ. พัทลุง อยากให้แวะมาที่ ทอนตรน สักครั้ง แล้วคุณจะได้สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างคุ้มค่าแน่นอน” ศาสตราจารย์ ดร.อิศรา เล่าด้วยรอยยิ้ม

ภาพจาก : ว่าพรือ ทอนตรน

              เมื่อย่างก้าวสู่ทอนตรน คุณจะได้พบกับกิจกรรมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้มาร่วมสนุก ซึ่ง ‘ชาวบ้านมุสลิม’ ในชุมชนได้จัดเตรียมไว้ เช่น สาธิตอาหารท้องถิ่น ชมจุดท่องเที่ยวของชุมชน กิจกรรมปั่นจักรยานและนั่งสามล้อรอบหมู่บ้านชมบรรยากาศที่เขียวขจีสูดอากาศที่บริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอด รวมถึงรับชมการแสดง “ลิเกฮูลูบ้านทอนตรน” กิจกรรม “เก็บผักกูด ดูดหอยโล้” และกิจกรรม“ตามหามันหมก แอบกกในทุ่งหญ้า” สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น สร้างความรู้สึกผ่อนคลายราวกับคุณเป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่แห่งนั้น หลายคนอาจมองว่าการไปแหล่งเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ใหนก็มี ใช่ค่ะ…ที่ใหนก็มี แต่การเปิดสถานที่ท่องเที่ยวให้ผู้คนได้มาพักผ่อน ได้มาสนุกและเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวบ้านมุสลิมเช่นนี้ คงมีไม่มากนัก ดังนั้น ทอนตรน จึงเป็นสถานที่ต้องห้าม(พลาด) ที่ต้องมาให้ได้สักครั้ง

ภาพจาก : ว่าพรือ ทอนตรน

           สุดท้ายแล้วการมองความสวยงามผ่านภาพถ่ายเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอเท่ากับการได้มาสัมผัสด้วยสายตาจากสถานที่จริงสักครั้ง หากใครที่รักการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แนะนำว่า “หมู่บ้านทอนตรน” เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด โดยสามารถเข้าไปติดตามภาพถ่ายธรรมชาติที่สวยงาม และอัพเดทกิจกรรมได้ที่เฟสบุ๊ค ว่าพรือ ทอนตรน” 

 

ที่มา : สสส