เจ้า Marimo เนี้ยก่อนที่จะเริ่มนิยมเลี้ยงกัน มีเห็นขายบ้างที่สวนจัตุจักร ตามร้านขายกุ้งแคระ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเจ้าMarimoก่อนละกัน โดยจะแบ่งไปข้อละกันเพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน
1) Marimo คือส่าหร่ายชนิดใด?….จริงแล้วมันเป็นสาหร่ายในกลุ่มเดียวกับสาหร่ายไกบ้านเราเนี้ยแหละ (ที่เค้าเอามาทานกันนั้นแหละ งั้น มาริโมะที่เลี้ยงก็อาจเอามากินได้นะเนี้ย ) หรือชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
Cladophora aegagropila var. linnaei (Kützing) Rabenhorst
ซึ่งเป็นสาหร่ายที่เป็นเส้นสายที่แตกแขนงทางด้านข้างประกอบด้วยเซลล์รูปทรงกระบอก เซลล์มีผนังสามชั้น คลอโลพลาสต์เป็นแบบร่างแห พบได้ในแหล่งน้ำจืดและน้ำเค็มทั่วโลก แต่ความพิเศษของ Marimo ที่ทำให้มันดูดี หรือไฮโซมากกว่าสาหร่ายไกบ้านเราก็คือ มันมาจาก ทะเลสาบ Akan ที่ Hokkaidō ในญี่ปุ่น และ มีพบในทะเลสาบ ในไอซ์แลนด์ด้วย ซึ่งมีรูปร่างกลมน่ารัก มีขนปุกปุย จึงทำให้มันมีซื่อเรียกอีกอย่างว่า Lake ball หรือ Cladophora ball นั้นเอง
2) Marimo เกิดขึ้นได้ยังไง?… จากที่ผู้เขียนไปหาข้อมูลมาจากหลายแหล่ง และสอบถามจากท่านอาจารย์ ก็พอจะสรุปได้ว่า เจ้า Marimo ในทะเลสาบเนี้ยเกิดจาก การกระทำของคลื่นที่ค่อยพัดจนจาก Cladophora กลายเป็นก้อนกลมๆน่ารักอย่าง Marimo นั้นเอง ซึ่งสาหร่าย Cladophora ในทะเลสาบนั้นจริงๆมีสามรูปแบบการเจริญเติบโต
- ยึดเกาะกับโขดหิน มักจะพบในด้านที่โดนแสงน้อยของหิน
- ลอยอิสระเป็นเส้นใยที่เป็นกระจุกเล็กๆ โดยเส้นใยผูกติดกันที่ด้านล่างทะเลสาบที่เต็มไปด้วยโคลน
- เป็นลูกบอลขนาดใหญ่ที่แน่นขนัดด้วยเส้นใยของสาหร่าย โดยเจริญจากจุดศูนย์กลางออกมาข้างนอก
ซึ่งแบบที่เราเลี้ยงกันก็คือแบบที่เป็นลูกบอลขนาดใหญ่นั้นเองครับ
3) แหล่งที่อยู่ของ Marimo ธรรมชาตินั้นเป็นอย่างไร?…แหล่งที่อยู่ของ Marimo ใน ทะเลสาบ Akan ในญี่ปุ่นและ ในทะเลสาบ ในไอซ์แลนด์ ซึ่งอยู่ในสภาพที่มีแสงน้อย ลักษณะ พื้นผิวด้านล่างของทะเลสาบเป็นตะกอน เป็นโคลน ซึ่งอัตราการเติบโตของ Marimo ในธรรมชาตินั้นประมาณ 5 มิลลิเมตรต่อปี ในทะเลสาบ Akan จะ ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้ถึง 20-30 ซม. ( 8-12 นิ้ว) ส่วนใน ทะเลสาบMývatn ในไอซ์แลนด์ มี ความหนาแน่น ของ Marimo มาก ซึ่งจะเติบโต ประมาณ 12 ซมต่อปี ซึ่งเจ้ Marimo จะอยู่ในช่วง ที่ลึก ตั้งแต่ 2-2.5 เมตร ถ้าเรารู้ว่าเจ้า Marimo อยู่ในธรรมชาติอย่างไร ผู้เลี้ยงอาจนำมาปรับใช้ขณะเลี้ยงก็ได้นะครับ
4) สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลี้ยง Marimo….. Marimo สามารถเจริญเติบโตได้ในน้ำประปา ที่อุณหภูมิห้อง(25 ° C)ได้นาน แต่ต้องมีการเปลี่ยนน้ำทุกหนึ่งหรือสองสัปดาห์ (บ่อยครั้งๆนในช่วงฤดูร้อนและไม่ต้องเปลี่ยนมากในฤดูหนาว) เจ้า Marimo สามารถอยู่ในตู้เย็นในสภาพอากาศเย็น (ต่ำกว่า 25 ° C) แต่ไม่รอดนะถ้าเอาไปแช่แข็ง เจ้า Marimo สามารถสังเคราะห์แสงได้จากแสงในห้องปกติ หรือโดนแสงแดดส่องผ่านหน้าต่างได้ เนื่องจาก Marimo ในธรรมชาติอยู่ในสภาพที่มีแสงค่อนข้างน้อย นอกจากนั้น Marimo สามารถแช่อยู่ในน้ำโซดา(มีคาร์บอนสูง)ซึ่งจะเพิ่มอัตราการสังเคราะห์แสง โดยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงช่วยการเจริญเติบโตของสาหร่าย แต่อาจเป็นอันตรายต่อปลาและสัตว์น้ำอื่น ๆ และในทะเลสาบ Akan รูปแบบเส้นใยของ Marimo จะหนาขึ้นที่น้ำเค็มจัด ที่มาจากน้ำพุธรรมชาติไหลลงไปในทะเลสาบ แต่ถ้าหาก Marimo สีเขียวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลสามารถทำให้กลับมาเขียวเหมือนเดิมได้จากการเพิ่มเกลือลงไป ทั้งนี้ ผู้เลี้ยงอาจจะเพิ่มแสง หรือให้ปุ๋ยเพิ่มเติมก็ได้ครับตามความต้องการ
5) Marimo ที่ขายกันทั้งในเน็ตและที่สวนจัตุจักรนั้นเป็นของจริงที่มาจากญี่ปุ่นหรือไม่?….เท่าที่ผู้เขียนพอจะทราบมาทางรัฐบาลของญี่ปุ่น สั่งห้ามนำ Marimo ขึ้นมาจากทะเลสาบ Akan ในญี่ปุ่น เพราะเกรงว่าเจ้า Marimo ว่า จะสูญพันธุ์หรือเหลือน้อย จึงเก็บไว้ให้เพื่อการศึกษาเท่านั้น ซึ่งจากที่ถามและหาข้อมูลมานั้น เจ้า Marimo ที่เอามาขายในไทยนั้นได้อ้างรับมาจากศูนย์วิจัยที่ญี่ปุ่น ที่มีการเพาะเลี้ยงเพื่อการค้า ซึ่งไม่ต้องกลัวว่าเค้าจะไปเอาสาหร่ายไกมาปั่นๆพันๆเป็นก้อนแล้วเอามาขาย (แต่อันนี้ผู้เขียนก็ไม่รู้นะว่ามีจริงรึเปล่าที่เอามาปั่นๆเนี้ย น่าลองทำดูจัง)
สำหรับใครที่เห็นแล้วรู้สึกชอบก็ลองหาซื้อมาเลี้ยงดูนะครับ แต่เมื่อเลี้ยงแล้วก็เอาใจใส่เค้าด้วยนะครับ ไม่ใช่เบื่อแล้วเอาไปโยนทิ้งลงแหล่งน้ำ 555 ผู้เขียนเกรงว่าตามพื้นคลองบ้านเราจะกลายเป็นแบบทะเลสาบ ทะเลสาบ Akan ในญี่ปุ่น (ล้อเล่น) ถ้าข้อมูลที่หามาผิดพลาดประเด็นใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ……