หลายคนอาจจะคิดว่าการมาเที่ยวทะเลในหน้าฝน อาจจะเป็นเรื่องที่ออกจะแปลกไปสักหน่อย แต่เพราะเบื่อความวุ่นวายของผู้คนและเมืองกรุง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อยากหาสถานที่พักผ่อนสวยๆ และสงบๆ ไม่วุ่นวาย และที่นี่ก็ตอบโจทย์เลย “เกาะพยาม”

เกาะพยาม เป็นเกาะนึงในจังหวัดระนอง เราเดินทางด้วยรถทัวร์จากสายใต้ใหม่ ไปต่อรถโดยสารที่บขส.จังหวัดระนอง ไปยังท่าเรือไต๋แขก แล้วนั่งเรือข้ามฟากไปยังเกาะพยาม โดยมีบริการเรือทั้ง สปีดโบ๊ท และเรือโดยสารธรรมดา เราเลือกเรือโดยสารธรรมดาตามประสาคนชอบสโลไลฟ์ เนื่องจากเป็นวันธรรมดา ผู้คนบนเรือเลยมีน้อย แค่ห้าคนเองมั้งที่เป็นผู้โดยสาร ที่เหลือก็จะเป็นชาวบ้านที่ขนของข้ามฝั่ง


เรียกว่าบรรยากาศตอนนั่งเรือขาไปนั้นชิวสุดๆ ฟังเพลงไป โต้ลมเย็นๆ นอนไปสองสามตื่นก็ถึงฝั่ง ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงได้
เย้ๆ ถึงฝั่งสักที! เราเช่ามอเตอร์ไซต์มาขับ หลังจากนั้นเกาะนี้ก็เป็นของเรา 555 ขับเกร็งจนแขนแข็ง หลงทางนิดหน่อยก็ไปถึงที่พัก ที่พักบนเกาะนี้มีมากมายให้เลือกสรรตามความชอบในราคาจับต้องได้ ตั้งแต่ที่พักหรูหราอย่าง The Blue Sky Resort หรือจะเป็นเกสต์เฮ้าส์ต่างๆ ตามริมทางมากมาย เรียกว่าจะจองมาก่อนหรือขับมอไซต์เลือกที่พักเอาตามรายทางได้เลย ยิ่งมาช่วง Low Season แบบนี้บอกเลยว่า ราคาหลักร้อยวิวหลักล้าน ได้พักติดทะเลในราคาไม่ถึงพัน ตกดึกก็จะมีเสียงตุ๊กแกเป็นระยะๆปนกับเสียงคลื่น ใครกลัวจิ้งจกตุ๊กแก อาจจะไม่เหมาะกับเกสท์เฮ้าส์ซักเท่าไหร่


ระหว่างทางที่ขับมอเตอร์ไซค์ ก็จะมีธรรมชาติสวยๆริมสองข้างทางให้มองเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นนกเงือก และเหยี่ยวแดง ต้นยาง รวมไปถึงต้นมะม่วงหิมพานต์หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า กาหยู ธรรมชาติที่นี่ยังคงสมบูรณ์อยู่มาก ได้อารมณ์ของการแอดเวนเจอร์ในระดับนึง



ไฮไลท์ของที่นี่ก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหาดทรายที่มีลักษณะเฉพาะตัวเป็นริ้วๆ อย่างอ่าวใหญ่ คนนิยมมาถ่ายรูปในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน อ่าวเขาควายที่มีร้าน Hippy Bar ตั้งอยุ่ริมหาด มีลักษณะเป็นเรือร้าง ทำจากไม้ทั้งหลัง สวยงามมากเหมาะแก่การเก็บภาพแนวๆ Hipster ให้อารมณ์เหมือนเรือ Pirates of the Caribbean และมีหินทะลุ ที่มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเยอะแยะเลย


หลังจากนั้นเราตัดสินใจไปเล่นน้ำที่อ่าวกวางปีป ซึ่งหนทางถนนที่ขับไปนั้นค่อนข้างจะโหดซักนิด ไม่เหมาะแก่การขับไป เราจึงจอดมอเตอร์ไซค์ แล้วเดินเท้าต่อไปอีกซักพัก ผ่านป่าน้อยๆ ได้ยินเสียงนกและแมลงเป็นระยะ แล้วในที่สุดเราก็มาถึงอ่าวกวางปีป ปี๊บๆๆๆ เงียบ สงบ เป็นอ่าวเล็กๆที่มีทรายสีน้ำตาลละเอียด เหมาะแก่การเล่นน้ำมากๆ ตอนนั้นทั้งอ่าวเป็นของเรา เรียกว่า เล่นน้ำส่วนตัวสุดๆ ไม่มีใครเลย ^^ หาได้ยากกับการไปทะเลแล้วมีคนน้อยแบบนี้ มีชิงช้าเล็กๆ และต้นไม้สำหรับถ่ายรูป พร้อมทั้งหมาๆที่มาต้อนรับ

อ้อ ลืมบอกไป ใครกลัวมะหมา เกาะนี้ไม่เหมาะเด็ดขาด เพราะเกาะพยาม เรียกว่ามีหมาแทบทุกที่ และเฟรนลี่แทบทุกตัว แต่สำหรับคนชอบหมา เรียกได้เลยว่าฟินจ้าา
ในส่วนของอาหารการกิน ต้องบอกตามตรงว่าร้านค้าต่างๆในช่วง Low season นี้ ไม่ค่อยเปิด หาของกินค่อนข้างลำบากนิดนึง รสชาติก็งั้นๆ ส่วนราคาก็ใช้ได้ทีเดียว รอนานหน่อย ที่กินแล้วรุ้สึกอร่อยแถมวิวสวยๆก็น่าจะเป็นที่บลูสกาย รีสอร์ท แต่ก็พ่วงมาด้วยเซอร์วิจชาต ราคาก็ถือว่ารับได้ แลกมากับบรรยากาศและรสชาติ คิดซะว่านั่งไปได้ยาวๆ แต่เราก็ไม่พลาดที่จะแวะชิมขนมแพนเค้กแบบบ้านๆ ร้านริมทางบนเกาะด้วยเช่นกัน^^


เวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก ถึงเวลาต้องโบกมือบ๊ายบายเกาะพยามแล้ว อย่างที่เขาบอกเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ แต่ความประทับใจยังคงอยู่ในใจเราอีกนานแสนนาน ก่อนกลับเราก็ไปแวะไปไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลที่ วัดเกาะพยาม ซึ่งเป็นวัดที่อยุ่ใกล้ๆกับท่าเรือ วัดนี้มีพระอุโบสถอยู่กลางน้ำ


เรียกว่าใครต้องการมาทะเลแบบสงบๆ ไม่ได้คาดหวังน้ำทะเลที่ใสมากๆ ไม่ได้หวังดำน้ำดูปะการัง แค่อยากมาสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ นอนฟังเสียงลมเสียงคลื่น กับธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่ง ต้องลองมาซักครั้ง แล้วจะติดใจ

เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย อ่านรีวิวแล้วอยากจะเก็บกระเป๋าชวนเพื่อน หรือ คนรู้ใจไปฟินกันบ้างมั้ยค่ะ แอดมินรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่า 🙂
เขียนโดย….
#one_aponatime
ขอบคุณภาพสวยๆ : ช่างกล้องสุดน่ารักด้วยนะคะ